Thursday, November 1, 2018

ฟิลิปปินส์ เมืองที่ไม่ควรพลาด


ธงชาติฟิลิปินส์
ที่มา: https://www.pinterest.com
ประเทศฟิลิปปินส์ ถือได้ว่าเป็นที่มีหมู่กาะมากถึง 1,700 เกาะ ทำประเทศที่นี้มีความหลากหลายทางกลุ่มชาติพันธุ์และวัฒนธรรม จากการที่มีชนชาติต่างๆได้อพยพย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศฟิลิปปินส์ ไม่ว่าจะปัจจัยใดก็ตามกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลหรือได้เผยแพร่วัฒนธรรมของตนในหมู่เกาะแห่งนี้ จนทำให้วัฒนธรรมของประเทศฟิลิปปินส์เกิดการผสมผสานวัฒนธรรมจนเกิดเป็นความเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเกิดเป็นความรู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากความแตกต่างที่หลายคนยังไม่รู้

เขียนโดย
นฤมล ฝากสระ
วศินี นามมูล

1. ประเทศฟิลิปปินส์ มีรสนิยมการอุปโภค บริโภค และการดำเนินชีวิตคล้ายชาวตะวันตกมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เฟอร์ดินานด์ แมกเจลแลน
ที่มา : https://www.portugaltravelguide.com
เนื่องจากเคยตกเป็นอาณานิคมของสเปนในช่วงปีพ.ศ. 2064 - 2441 และสหรัฐอเมริกาในช่วงปีพ.ศ. 2441- 2489 หลังจากที่เฟอร์ดินานด์ แมกเจลแลน (Ferdinand Magellan) นักสำรวจชาวสเปนได้เข้ามาสำรวจในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ ทำให้สเปนสามารถยึดครองประเทศฟิลิปปินส์ไว้ได้ ภายใต้การปกครองฟิลิปปินส์ของสเปนในช่วงระยะเวลา 300 ปีที่ผ่านมา ทำให้ฟิลิปปินส์รับเอาวัฒนธรรม ประเพณี ศาสนาของสเปนมาอย่างมาก เห็นได้ชัดจากในหมู่บ้านและเขตการปกครองต่างๆ จะมีการประกอบพิธีทางศาสนา การเดินขบวนในเมือง การจุดพลุไฟ  การประกวดความงามและการเต้นรำ

การเต้นรำ Binasuan
ที่มา : https://www.pinterest.com
นอกจากนี้ชาวฟิลิปปินส์ยังได้รับวัฒนธรรมทางตะวันออกคือ จีน จากการที่ชาวจีนอพยพย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศฟิลิปปินส์ทำให้ชาวฟิลิปปินส์ได้รับอิทธิพลบางส่วนของจีนมา ซึ่งเห็นได้ชัดจากอาหารที่นิยมทานรสชาติไม่เผ็ดมาก และนิยมทานเนื้อเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วัฒนธรรมของฟิลิปปินส์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเกิดจากการผสมผสานระหว่างอิทธิพลตะวันตกกับอิทธิพลตะวันออก แต่ส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลทางตะวันตกมากกว่า

อาหารฟิลิปปินส์
ที่มา : https://th.openrice.com

2. ชาวฟิลิปปินส์รับประทานอาหารวันล่ะ 5 รอบ คือ เช้า เที่ยง เย็น และอาหารว่างระหว่างสายกับบ่ายเรียกว่า "เมอร์เยียนดา" โดยอาหารเช้าจะเรียกว่า "ตับซีลอก" ชาวฟิลิปปินส์นิยมทานอาหารเป็นสำรับทำให้กลายเป็นชื่อเรียกมื้ออาหาร นอกจากนี้ยังมี "ปูลูตัน" อาหารประเภทใช้มือหยิบรับประทาน เป็นอาหารว่างที่นิยมทานคู่กับเบียร์หรือเหล้า
อโดโบ้
ที่มา : http://gothailandgoasean.tourismthailand.org
ฮาโลฮาโล
ผปเเที่มา:http://dessertinaseancountries.blogspot.com

3. ฟิลิปปินส์ไม่มีมะนาว มีแต่ส้มจี๊ดที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร เช่น ซีซิก (sisig) ซึ่งเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อในฟิลิปปินส์  นำหัวหมูหรือเนื้อไก่ไปต้มกับเครื่องเทศจนเปื่อยแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนนำมาผัดกับเครื่องปรุงต่างๆโดยใช้ส้มจี๊ดเป็นส่วนประกอบ ทำให้ออกมามีรสเปรี้ยว ซึ่งเป็นจุดเด่นของอาหารยอดนิยมเมนูนี้

ส้มจี๊ด
ที่มา : https://www.khanpaklive.com

ซีซิก
ที่มา :  http://gothailandgoasean.tourismthailand.org

4. เทศกาลอาติ - อาติหาน (Ati-Atihan)
เทศกาลอาตติ- อาติฮัน
ที่มา :http://primer.com
จัดขึ้นเพื่อรำลึกและแสดงความเคารพต่อ "เอตาส (Aetas)" ชนเผ่าแรกที่มาตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งในฟิลิปปินส์ และรำลึกถึงพระเยซูคริสต์ในวัยเด็ก โดยจะแต่งตัวเลียนแบบชนเผ่าเอตาส แล้วออกมารำ รื่นเริงบนท้องถนนในเมืองคาลิบู (Kalibu)

5. ชาวฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ร้องเพลงเพราะและมีความเชี่ยวชาญทางด้านดนตรีสากลมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเล่นดนตรี
ที่มา : https://www.pinterest.com

เห็นได้ชัดจากวงการบันเทิงมักมีนักร้องเสียงคุณภาพจากฟิลิปปินส์ที่เป็นที่ยอมรับในหลายๆ ประเทศจากการแข่งขันการร้องเพลง เช่น Charice Pempengco นักร้องจากฟิลิปปินส์ที่โด่งดังในยูทูปอเมริกา ญี่ปุ่นและทั่วโลก ซึ่งแจ้งเกิดจากรายการ  The Oprah Winfrey show

การแข่งขันร้องเพลง
ที่มา : https://www.pinterest.co.uk

เทศกาลดนตรี
ที่มา: http://music.sanook.com
นอกจากนี้ยังมีรายการ the X-FACTOR  เป็นหนึ่งในรายการประกวดร้องเพลงที่ดังที่สุดในโลกรายการหนึ่งชาวฟิลิปปินส์นิยมไปประกวดร้องเพลงและจะเห็นนักร้องจากฟิลิปินส์ผ่านเข้ารอบการออดิชั่นทุกปี




สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ


ประเทศฟิลิปปินส์ถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีสภาพภูมิศาสตร์ประกอบไปด้วยเกาะต่างๆและแหล่งอารยธรรมที่น่าหลงให จึงทำให้ประเทศฟิลิปปินส์มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ดังนี้
ประเทศฟิลิปปินส์
ที่มา : https://www.pinterest.com

1. อินทรามูรอส (Intramuros)
อินทรามูรอส
ที่มา : http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/%E/
มีลักษณะเป็นป้อมปราการและกำแพงเมืองภายในมีชุมชนและสถานที่สำคัญมากมาย เช่น ป้อมซานตีเอโก โบสถ์ซานอากุสติน และหอศิลป์โบราณ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สะท้อนวิถีชีวิตและความเป็นมาของฟิลิปปินส์ แต่สิ่งที่ควรระวังคือ ด้านหลังของอินทรามูรอสมีชุมชนแออัดอยู่ และมักมีเด็กๆ แห่กันมาขอเงิน เมืองอินทรามูรอสตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำปาซิก (Pasig River) ภายในกำแพงเมืองรูปหัวธนูซึ่งเป็นกำแพงเมืองแบบตะวันตกที่ได้รับความนิยมในระยะนั้น กำแพงแต่ละด้านยาว 4 กิโลเมตร เมืองนี้เดิมเป็นที่ตั้งพระราชวังของราชาสุไลมาน กษัตริย์ชาวมุสลิม ต่อมาสเปนได้เข้ายึดและเปลี่ยนมะนิลาเป็นเมือหลวงของอาณานิคมสเปนภายในป้อมมีทั้งโบสถ์ คอนแวนต์ โรงเรียนและโรงพยาบาล ค่ายทหาร รวมถึงสถานที่ราชการต่าง
ภายในอินทรามูรอส
ที่มา : https://www.pinterest.com/pin/477029785504575554/
อินทรามูรอสถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1571 โดยกลุ่มชาวสเปนที่มีผู้นำในการก่อสร้างคือ Miguel Lopez de Legazpi เพื่อป้องกันการรุกรานจากกลุ่มโจรสลัด ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2หลังจากที่ผ่านทั้งพายุ แผ่นดินไหว ไฟไหม้ และภัยสงคราม อินทรามูรอสก็แทบจะไม่เหลืออะไรให้เห็น กระทั่งกลายเป็นเมืองร้างในช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนที่ทางการจะยื่นมือเข้ามาบูรณปฏิสังขรณ์ จนมีสภาพดีขึ้นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเมื่อมาเยือนมะนิลา ภายในป้อมอินทรามูรอสถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองการศึกษา วัฒนธรรม ศาสนา และการค้า ฯลฯ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเหมือนเมืองในสมัยยุโรปยุคกลางที่มีกำแพงล้อมรอบและค่ายป้อมยามมิดชิดภายในพื้นที่เกือบ 400 ไร่ ถูกล้อมด้วยกำแพงหินสูงที่มีโบสถ์ โรงเรียน อินทรามูรอสเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา
09.00 - 17.00 ทุกวันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

2. โบสถ์ซานอะกุสติน (San Agustin Church)

โบสถ์ซานอะกุสติน
ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1599 ตามแบบสถาปัตยกรรมสเปน สร้างด้วยหินทั้งหลังมีความสง่างาม เป็นสิ่งปลูกสร้างหนึ่งเดียวภายในอินทรามูรอส ที่ไม่ถูกระเบิดในสงครามโลก ครั้งที่ 2 โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นถึงสามครั้ง ซึ่งสองครั้งแรกถูกไฟไหม้ไปโบสถ์ซานอากุสติน มีควาสวยงามสะดุดตาไม่น้อย ผนังโบสถ์ด้านหน้าชวนมองด้วยสไตล์ ที่นำเสาดอริก เกลี้ยงๆมารองรับหัวเสาแบบโครินเธียน บาน ประตูใหญ่แกะสลัก เป็นรูปนักบุญออกุสตินกับนักบุญโมนีกาผู้มารดาได้งดงาม น่าทึ่งด้วยไม้ตีนนกเนื้อแข็งของฟิลิปปินส์ และใกล้ๆ กับโบสถ์ยังมีสำนักสงฆ์และพิพิธภัณฑ์ ที่เก็บสมบัติล้ำค่าไว้ให้ได้ชื่นชมกัน อาทิ โบราณวัตถุของฟิลิปปินส์ งานศาสนศิลป์ และเครื่องปั้นดินเผาของจีน สเปน และเม็กซิกัน
โบสถ์ซานอะกุสติน
ที่มา : https://sites.google.com/site/cebu
ปัจจุบันโบสถ์ซานอะกุสติน กรุงมะนิลา มีรายชื่อได้รับการขึ้นทะเบียนในโครงการด้วยทรงคุณค่าโดดเด่นด้านความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรม ศิลปกรรม ประวัติศาสตร์ สิ่งแวดล้อมหรือชีววิทยา และได้รับความคุ้มครองภายใต้สนธิสัญญาข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ นับเป็นพิพิธภัณฑ์ถาวรและเครื่องสืบทอดวัฒนธรรมร่วมกันของมนุษยชาติตัวโบสถ์

3. พิพิธภัณฑ์คาซา มะนิลา (Casa Manila Museum)
เป็นคฤหาสน์สมัยอาณานิคมสเปนที่อยู่ในย่านเมืองโบราณอินทรามูรอส สร้างด้วยหินภูเขาไฟและต่อเติมชั้นบนด้วยโครงสร้างไม้กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ภายในตกแต่งด้วยเครื่องเรือน ของประดับบ้าน และงานศิลปะสมัยโบราณ ตัวอาคารสะท้อนให้เห็นถึงความมั่งคั่งของตระกูลต่างๆ ที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของสเปน อธิบายถึงวิถีชีวิตของชาวอาณานิคมในยุคล่าอาณานิคมของสเปนในฟิลิปปินส์ มีการบันทึกเหตุการณ์ทางด้านประวัติศาสตร์นับหลายพันปี ตั้งแต่วัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวพื้นเมืองฟิลิปปินส์ไปจนถึงศิลปะทางด้านวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป โดยภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แบ่งการแสดงนิทรรศการออกไปเป็น 3 ชั้น
พิพิธภัณฑ์คาซา มะนิลา
ที่มา : http://architectureinsea.blogspot.com/2017
ชั้น 1 เดินชมมีด ช้อนส้อม หม้อและกระทะสมัยโบราณ รวมทั้งแม่พิมพ์ทำอาหารและเตาถ่านยุคศตวรรษที่ 18 ชมถังเก็บน้ำฝนสำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้ในคฤหาสน์ตลอดทั้งปี จากนั้นแวะชมห้องรับประทานอาหารที่มีโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 18 ที่นั่ง พัดลมเพดานที่ทำงานด้วยแรงคน ทำให้รู้สึกเย็นสบาย
เครื่องครัว
ที่มา : http://palanla.com/index.php?op=
ชั้น 2 ห้องนอนและห้องสมุดกึ่งห้องทำงาน นักท่องเที่ยวจะเห็นตู้เซฟและหีบสมบัติเก็บเหรียญเงินและเหรียญทอง ส่วนห้องน้ำออกแบบมาให้สองคนนั่งกระทบไหล่และคุยกันได้อย่างต่อเนื่องระหว่างทำธุระส่วนตัว
ห้องทำงาน
ที่มา : http://palanla.com/index.php
ชั้น 3 ห้องนั่งเล่นของครอบครัว ชมเครื่องเรือนโบราณทำจากไม้ เช่น โซฟา เก้าอี้ และนาฬิกาลูกตุ้มขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโต๊ะหินอ่อนที่ขาโต๊ะทำจากไม้ และแท่นวางรูปสลัก เครื่องเรือนในคฤหาสน์มีทั้งเครื่องเรือนแบบจีน ยุโรป และเครื่องเรือนที่ผลิตในฟิลิปปินส์
เฟอร์นิเจอร์ที่มา : https://www.google.co.th/search?tbm=isch
พิพิธภัณฑ์คาซาเป็นบ้านทรงสเปนสวยงาม โดยเป็นย่านที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูงชาวสเปนเคยถูกไฟไหม้เสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในช่วง ค.ศ.1980 ภายในตกแต่งอย่างดี เพื่อถ่ายทอดภาพชีวิตของครอบครัวชาวฟิลิปปินส์ในช่วงที่ตกเป็นอาณานิคมของสเปนเปิดให้บริการให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์

4. สวนไรซาล(Rizal Park)
สวนไรซาล
ที่มา : https://www.pinterest.com/pin/345580971376597149/
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของฟิลิปปินส์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่แห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงมะนิลาเป็นศูนย์กลางสำหรับชาวมะนิลาและนักท่องเที่ยวที่นิยมมาพักผ่อนหย่อนใจ เล่นกีฬา และซึมซับมรดกทางวัฒนธรรม สวนไรซาลสามารถเรียกอีกชื่อว่าลูเนต้า(Luneta)  เนื่องจากพื้นที่มีลักษณะคล้ายรูปพระจันทร์
สวนไรซาล
ที่มา : https://www.google.co.th/search?tb
สวนไรซาลสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1913 เพื่ออุทิศแด่  ดร.โฮเซ่ ไรซาล (Dr.Jose Rizal) วีรบุรุษผู้นำการต่อต้านระบบอาณานิคมของสเปน ที่ช่วงปีค.ศ. 1896-1898 อนุสาวรีย์ของเขาตั้งโดดเด่นอยู่กลางผืนหญ้าเขียวขจี และในบริเวณเดียวกันมีเสาธงอันแสดงถึงการประกาศอิสรภาพเหนือสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ.1941 นอกจากนี้อนุสาวรีย์แห่งนี้ยังมีความสำคัญในฐานะเป็นหลักกิโลเมตรสำหรับการนับระยะถนนสายต่างๆ บนเกาะลูซอนซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์อีกด้วย รวมถึงยังเป็นสถานที่จัดงานสำคัญทางประวัติศาสตร์และจัดแสดงมินิคอนเสิร์ตกลางแจ้งทุกวันอาทิตย์

5. นาขั้นบันไดบานาเว (Banaue Rice Terraces)
นาขั้นบันไดบานาเว
ที่มา : https://www.pinterest.com/pin/291467407105001190/
เป็นสถานที่ที่มีการปลูกข้าวแบบขั้นบันไดบนเกาะลูซอน ได้รับการยกย่องให้เป็นแหล่งมรดกโลกด้านวัฒนธรรม โดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1995 และมักจะถูกเรียกว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก  เนื่องจากนาขั้นบันไดมีภูมิทัศน์วัฒนธรรมโบราณที่สวยงาม เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการพัฒนาการทำการเกษตรแบบยั่งยืนด้วยเทคนิคดั้งเดิม ถูกสร้างขึ้นสำหรับการเพาะปลูกข้าวโดยชนเผ่า Ifugao ที่อพยพจากประเทศไต้หวันมาสู่ฟิลิปปินส์ เมื่อ 2,000 ปีก่อน มีการใช้เครื่องมือธรรมดาสกัดพื้นที่บนไหล่เขา และที่ลาดเชิงเขาและสร้างระบบชลประทานโดยปราศจากการใช้เครื่องจักรกล ปรับภูเขาทั้งลูกให้กลายเป็นแหล่งเพาะปลูกขนาดใหญ่ ปัจจุบันได้กลายเป็นที่ปลูกข้าวของชาวนาที่มีลักษณะเป็นขั้นบันไดและเหมาะแก่การมาพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวที่มีความสมบูรณ์และความประทับใจที่สุด

6. พิพิธภัณฑ์ขนมหวาน(Dessert Museum)
พิพิธภัณฑฺขนมหวาน
ที่มา : https://www.google.co.th/search?tbm=
ตั้งอยู่ด้านล่างของโรงแรมคอนราดมะนิลา เมืองปาเซย์ซิตี้  โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 ห้อง แต่ละห้องตกแต่งด้วยขนมหวานสีสันสดใส เช่นสายไหม หมากฝรั่ง เยลลี่หมีกัมมี่แบร์ ลูกกวาด โดนัท มาร์ชเมลโล่ไอศกรีม มาการอง และเค้กป๊อป ซึ่งคนที่เข้าไปข้างในสามารถกระโดด เล่น หมุนตัว ไถลตัว และสามารถเลือกหยิบกินอะไรก็ได้ไม่อั้นตามใจชอบ
ห้องโดนัท พิพิธภัณฑ์ขนมหวาน
ที่มา : https://steemit.com/dessert/@ckrj/
ก่อนที่ทุกคนจะเข้าไปยังดินแดนที่เต็มไปด้วยน้ำตาลแห่งนี้ ต้องลอดผ่านห่วงโดนัทยักษ์และสไลด์ตัวลงมาตามสไลเดอร์สีชมพู หรือเดินลงบันไดขั้นสีเหลือง เมื่อหลุดเข้ามาข้างใน จะพบกับโดนัทสตรอว์เบอร์รี่ห้อยลงมาจากเพดาน จากนั้นก็จะมีประตูให้เลือก 2 บาน บานแรกสีฟ้าเขียนว่า Nice (ประตูเด็กดี) และบานที่สองสีชมพู เขียนว่า Naughty (ประตูเด็กซน) ซึ่งทั้งสองบานจะพาผู้เข้าชมไปสู่สถานที่ที่แตกต่างกันไป เช่น ห้องแคนดี้ ห้องป่าสายไหม ห้องไอศกรีม ห้องมาร์ชเมลโล่ ห้องลูกกวาดหลากสี เป็นต้น
ห้องมารช์เมลโล่ พิพิธภัณฑ์
ที่มา : https://www.google.co.th/search?tbm=is
นอกจากได้ทั้งความสนุกและความเอร็ดอร่อยแล้ว ยังได้สาระประโยชน์เกี่ยวกับขนมหวานชนิดต่างๆอีกด้วย โดยจำหน่ายตั๋วหน้างานอยู่ที่ประมาณ 480 บาท (15.3 $) แต่หากจองทางออนไลน์จะลดเหลือประมาณ 420 บาท (13.4 $) จำกัดเวลา 2 ชั่วโมงต่อคน


อ้างอิง
สถานที่ท่องเที่ยวในอาเซียน. (2561). โบสถ์ซานอากุสติน. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2561. จาก https://sites.google.com/site/funtravelaec/prathes-filippins/bosth-san-xa-ku-sti-n.
สำนักส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรุงมะนิลา. (2557). วัฒนธรรมเบื้องต้นของชาวฟิลิปปินส์และข้อควรที่ปฎิบัติ. ค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2561. จาก http://www.ditp.go.th/contents_attach/92215/92215.pdf
Amazing Thailand. (2560). พาไปชมและชิมอาหารอร่อยในฟิลิปินส์. ค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2561. จาก http://gothailandgoasean.tourismthailand.org/th/%E0.
LVC Asean Center. (2561). เกร็ดความรู้และวัฒนธรรมประเทศฟิลิปปินส์. ค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2561. จาก http://www.lampangvc.ac.th/lvcasean/page_philippines3.html.
Mthai. (2561). พิพิธภัณฑ์ขนมหวานในฟิลิปปินส์. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2561. จาก https://travel.mthai.com/world-travel/173845.html.
Pa-Lan-La. (2561). พิพิธภัณฑ์คาซา มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2561. จาก http://palanla.com/index.php?op=abroadLocation-detail&id=240.
S music. (2558). ฝันเป็นจริง 4 พี่น้องชาวฟิลิปปินส์โชว์พลังเสียงในรายการ the x factor. ค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2561. จาก http://music.sanook.com/2354373/.
Thaifly. (2561). ข้อมูลเที่ยวฟิลิปปินส์ : เมืองโบราณอินมูรอส. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2561. จาก https://www.thaifly.com/index.php?route=news/news&news_id=797.




No comments:

Post a Comment

ฟิลิปปินส์ เมืองที่ไม่ควรพลาด

ธงชาติฟิลิปินส์ ที่มา:  https://www.pinterest.com ประเทศฟิลิปปินส์ ถือได้ว่าเป็นที่มีหมู่กาะมากถึง 1,700 เกาะ ทำประเทศที่นี้มีความหลาก...